Powered By Blogger

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การตลาดบริการของห้องสมุด


 สรุป การตลาดบริการห้องสมุด

การตลาดบริการห้องสมุด
สมาคมการตลาดแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ให้คำจำกัดของคำว่า "Marketing" ไว้ดังนี้
          การตลาด คือ การกระทำกิจกรรมต่าง ๆ ในทางธุรกิจที่มีผลให้เกิดการนำสินค้าหรือบริการจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคหรือผู้ใช้บริการนั้น ๆ ให้ได้รับความพึงพอใจ ขณะเดียวกัน ก็บรรลุวัตถุประสงค์ของกิจการ
คำจำจัดความที่สำคัญทางการตลาด
   ความจำเป็น (need) หมายถึง สิง่ที่ผู้บริโภคมีความจำเป็นต้องบริโภคปัจจัยพื้นฐานต่างๆเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ แบ่งเป็น
  • ความจำเป็นทางด้านร่างกาย (physical needs)อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ทำให้คนต้องได้มาซึ่งปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้ เพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านั้น
  • ความจำเป็นของสภาพทางสังคมและอารมณ์ (social and emotional) ได้แก่ การมีเพื่อน และความรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย ทำให้เกิดสินค้าและบริการอย่างมากมาย
  • ความต้องการ (want) หมายถึงความปารถนาเพิ่มเติมนอกเหนือจากความจำเป็น เป็นสิ่งที่ทำให้ดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุขเพราะเกิดจากความพึงพอใจตามความอยากได้ อยากมี อยากเป็น
การจัดการการตลาด 
     กระบวนการวางแผนและปฏิบัติโดยอาศัยแนวคิด การกำหนดราคา และการส่งเริมการตลาด การจัดจำหน่ายสินค้าและบริการเพื่อสร้างสรรค์ให้เกิดการแลกเปลี่ยนที่สามารถสนองความต้องการของบุคคล และบรรลุัวัตถุประสงค์ขององค์กร การจัดการการตลาดนั้นจะเกิดขึ้นได้เมื่อฝ่ายหนึ่งใช้วิธีต่างๆเพื่อตอบสนองความต้องการอีกฝ่ายหนึ่ง 

จุดมุ่งหมายการตลาด
      ให้รู้จักและเข้าใจลูกค้าเป็นอย่างดี เพื่อจัดสินค้าและบริการที่เหมาะสม การตลาดมกจะเกิดผลกับลูกค้าที่พร้อมจะซื้อ ดังนนั้นสินค้าและบริการต้องพร้อมตลอดเวลา

ความสำคัญของแผนการตลาด
  • ให้รายละเอียดของการเริ่มต้นธุกิจ ทำให้ผู้ประกอบการมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการดำเินินธุรกิจ 
  • เป็นเครื่ืองมือที่ช่วยให้พนักงานภายในองค์กรมองไปที่เป้าหมายเดียวกัน มีแนวทางในการตัดสินใจและการดำเนินการ
  • ช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ
  • เป็นเสมือนพิมพ์เขียวกำหนดกิจกรรมต่างๆ และการปฏิบัติงานที่ต่อเนื่องในอนาคตด้วย
การตลาดบริการสารนิเทศธุรกิจ
   การผสมผสายวิธีการตลาดเขิงสังคม และการตลาดเชิงธุรกิจเข้าด้วยกัน กล่าวคือ ผู้ใช้สารนิเทศได้รับสารนิเทศ หรือ บริการสารนิเทศตามความต้องการ เพราะผู้ใ้ห้บริการได้ศึกษาความต้องการของผู้ใช้สารนิเทศและพยายามจัดหาสารนิเทศเพื่อให้บริการโดยสามารถตอบสนองความต้องการให้ผู้ใช้สารนิเทศมีความพอใจเห็นคุณค่าของสานิเทศมากขึ้น

สารนิเทศในรูปของคอมพิวเตอร์
    ผลิตภัณฑ์สารนิเทศที่บันทึกในสื่อคอมพิวเตอร์ การใช้ประโยชน์ต้องใ้ช้เครื่องมือ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ เครื่องแปลรหัส สัญญารโทรคมนาคม เครื่องพิมพ์ และซอฟแวร์สำหรับระบบโทรคมนาคม

องค์ประกอบ 4 ประการของวิธีการตลาด
    ผลิตภัณฑ์ หมายถึงสินค้า และบริการที่ผู้ผลิตจัดทำขึ้น ผลิตภัณฑ์สารนิเทศได้แก่ บริการสารนิเทศสื่อสิ่งพิมพ์ หมายถึง หนังสือ วารสาร หนังสืออ้างอิง ดัชนีวารสารและสาระสังเขป  บริการสารนิเทศประกอบไปด้วย บริการที่ผู้บริโภคได้รับผลิตภัณฑ์พร้อมการบริการ 
     ราคา หมายถึงราคาผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่สารนิเทศที่ผู้จำหน่ายกำหนดขึ้น ราคาควรมีการกำหนดอย่างสมเหตุสมผล ให้ผู้บริโภคยอมรับว่ามีคุณค่าสมกับคุณภาพจองผลิตภัณฑ์และยินดีที่จะหาซื้อไปบริโภค โดยทั่วไปแล้วผู้บริโภคต้องจ่ายเงินค่าบริการสารสนเทศทั้งในทางตรงและทางอ้อม 
    สถานที่ หมายถึงที่ตั้งสถาบันบริการสารสนเทศ ซึ่งควรอยู่ในที่ติดต่อได้ง่าย สะดวก และตรงตามวัตถุประสงค์ในการบริการ 
แนวคิดส่วนประสมทางการตลาดสำหรับธุรกิจบริการ  ( Service  Marketing  Mix )
          ศิริวรรณ   เสรีรัตน์ (2541) ได้อ้างถึงแนวคิดส่วนประสมทางการตลาดสำหรับธุรกิจบริการ
( Service  Mix ) ของ Philip  Kotler  ไว้ว่าเป็นแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ให้บริการซึ่งจะได้ส่วนประสมการตลาด (Marketing  Mix )หรือ  7Ps  ในการกำหนดกลยุทธ์การตลาดซึ่งประกอบด้วย
1.              ด้านผลิตภัณฑ์  (Product) เป็นสิ่งซึ่งสนองความจำเป็นและความต้องการของมนุษย์ได้คือ  สิ่งที่ผู้ขายต้องมอบให้แก่ลูกค้าและลูกค้าจะได้รับผลประโยชน์และคุณค่าของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ  โดยทั่วไปแล้ว  ผลิตภัณฑ์แบ่งเป็น  2  ลักษณะ  คือ ผลิตภัณฑ์ที่อาจจับต้องได้  และ  ผลิตภัณฑ์ที่จับต้องไม่ได้
2.                ด้านราคา  ( Price ) หมายถึง  คุณค่าผลิตภัณฑ์ในรูปตัวเงิน  ลูกค้าจะเปรียบเทียบระหว่างคุณค่า  ( Value )  ของบริการกับราคา  ( Price ) ของบริการนั้น  ถ้าคุณค่าสูงกว่าราคาลูกค้าจะตัดสินใจซื้อ  ดังนั้น การกำหนดราคาการให้บริการควรมีความเหมาะสมกับระดับการให้บริการชัดเจน  และง่ายต่อการจำแนกระดับบริการที่ต่างกัน
3.    ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย  ( Place ) เป็น กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับบรรยากาศสิ่งแวดล้อมในการนำเสนอบริการให้แก่ลูกค้า ซึ่งมีผลต่อการรับรู้ของลูกค้าในคุณค่าและคุณประโยชน์ของบริการที่นำเสนอ  ซึ่งจะต้องพิจารณาในด้านทำเลที่ตั้ง ( Location ) และช่องทางในการนำเสนอบริการ ( Channels )
4.    ด้านส่งเสริมการตลาด  ( Promotion ) เป็นเครื่องมือหนึ่งที่มีความสำคัญในการติดต่อสื่อสารให้ผู้ใช้บริการ  โดยมีวัตถุประสงค์ที่แจ้งข่าวสารหรือชักจูงให้เกิดทัศนคติและพฤติกรรม  การใช้บริการและเป็นกุญแจสำคัญของการตลาดสายสัมพันธ์
5.    ด้านบุคคล  ( People ) หรือพนักงาน ( Employee ) ซึ่งต้องอาศัยการคัดเลือก  การฝึกอบรม  การจูงใจ  เพื่อ ให้สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้แตกต่างเหนือคู่แข่งขันเป็นความ สัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการต่าง ๆ ขององค์กร  เจ้าหน้าที่ต้องมีความสามารถ  มีทัศนคติที่สามารถตอบสนองต่อผู้ใช้บริการ  มีความคิดริเริ่ม  มีความสามารถในการแก้ไขปัญหา  สามารถสร้างค่านิยมให้กับองค์กร
6.    ด้านการสร้างและนำเสนอลักษณะทางกายภาพ (Physical  Evidence and Presentation )  เป็นการสร้างและนำเสนอลักษณะทางกายภาพให้กับลูกค้า  โดยพยายามสร้างคุณภาพโดยรวม  ทั้งทางด้ายกายภาพและรูปแบบการให้บริการเพื่อสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า  ไม่ว่าจะเป็นด้านการแต่งกายสะอาดเรียบร้อย  การเจรจาต้องสุภาพอ่อนโยน  และการให้บริการที่รวดเร็ว  หรือผลประโยชน์อื่น ๆ ที่ลูกค้าควรได้รับ
7.    ด้านกระบวนการ ( Process) เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับระเบียบวิธีการและงานปฏิบัติในด้านการบริการ  ที่นำเสนอให้กับผู้ใช้บริการเพื่อมอบการให้บริการอย่างถูกต้องรวดเร็ว  และทำให้ผู้ใช้บริการเกิดความประทับใจ

 

การประชาสัมพันธ์ห้องสมุด

สรุป การประชาสัมพันธ์ห้องสมุด
การประชาสัมพันธ์ห้องสมุด
    การประชาสัมพันธ์ และ การตลาดมีหน้าที่สัมพันธ์กันอย่าใกล้ชิด หลักการประชาสัมพันธ์คือ เลือกใช้เครื่องมือตลอดจนวิธีการในการประชาสัมพันธ์ให้เหมาะสม และมีประสิทธ์ภาพ ประสิทธิผล ส่วนหน้าที่ของการตลาด คือ การใช้หลักการบริหารทางธุรกิจบางส่วนมาประยุกต์ใช้เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจ พอใจ และประทับใจกับบริการที่จัดให้ ซึ่งจำเป็นต้องรู้จักการประชาสะมพันธ์อย่างดี เพื่อจะได้นำมาใช้กับการตลาดในงานบริการของห้องสมุด

วัตถุประสงค์ฺของการประชาสัมพันธ์
  1. เพื่อสร้างภาพพจน์ หรือภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์การ
  2. เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดที่มีต่อองค์การในด้านต่างๆ
  3. เพื่อกระตุ้นความสนใจ
  4. เพื่อสร้างความนิยมแก่ชุมชนในละแวกใกล้เคียง
  5. เพื่อสร้างความนิยมในกลุ่มผู้ปฏิบัติงานในองค์การ
  6. เพื่อชี้แจงและให้บริการแก่ผู้ใช้ห้องสมุด
  7. เพื่อเพิ่มพูนความเป็นมิตรไมตรีจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับองค์การ
กระบวนการประชาสัมพันธ์
     กระบวนการประชาสัมพันธ์แบ่งออกเป็น สี่ ขั้นตอน คือ
  1. การวิจัย การรับฟัง (Research-Listening)
  2. การวางแผน การตัดสินใจ (Planing-Decision Making)
  3. การสื่อสาร (Communication)
  4. การประเมินผล (Evaluation)
กลุ่มเป้าหมายของการสื่อสาร
  1. การสื่อสารในองค์การ
  • การสื่อสารจากผู้บังคับบัญชา
  • การสื่อสารจากผู้ใต้บังคับบัญชา
  • การสื่อสารจากผู้ร่วมงานระดับเดียวกัน
  • การสื่อสารต่างระดับสายงาน
    2. การสื่อสารภายนอกองค์การ
     สามารถทำได้สองวิธ๊ คือ การสื่อสารที่สถาบันควบคุมได้ กับ การสื่อสารผ่านสื่อมวลชน

หลักในการสื่อสาร
  1. ความถูกต้องน่าเชื่อถือ ของสารและบุคคลผู้ส่งสาร
  2. ความเหมาะสมของเนื้อหาสาระ
  3. ความแจ่มแจ้ง
  4. ความเหมาะสมกับกาลเทศะ
  5. ความต่อเนื่องสม่ำเสมอ
  6. ความเหมาะสมในการใช้สื่อ
  7. ความสามารถของผู้รับสาร
การวางแผนประชาสัมพันธ์
    การกำหนดวิธีการปฏิบัติเพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานนั้นๆมีความสอดคล้องต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยการประชาสัมพันธ์นั้นมีความสำคัญในเรื่องต่างๆต่อไปนี้
  1. ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสถาบัน
  2. เป็นกลไกในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี
  3. ช่วยผลักดันให้การดำเนินงานของสถาบัน องค์การ ไปได้ด้วยดี
  4. เป็นกลไกในการชักจูงโน้มน้าวใจ
  5. เป็นเครื่องมือสื่อสารทางการตลาดในองค์การ
  6. เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาในสถาบันต่างๆที่เกิดขึ้น
ภาพลักษณ์ขององค์การ

    Philip Kotler (2000:553) ปรมาจารย์ด้านการตลาดอธิบายถึงคำ ภาพลักษณ์ (Image) ว่า เป็นองค์รวมของความเชื่อ ความคิด และความประทับใจที่บุคคลมีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งทัศนคติและการกระทำใด ๆ ที่คนเรามีต่อสิ่งนั้น จะมีความเกี่ยวพันอย่างสูงกับภาพลักษณ์ของสิ่งนั้น ๆ

การเกิดภาพลักษณ์
   ภาพลักษณ์เกิดขึ้นได้ สอง ลักษณะคือ
  1. ภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและสภาพแวดล้อม โดยที่สถาบันไม่ได้ดำเนินการใดๆ
  2. ภาพลักษณ์ที่เกิดจากกระบวนการสร้างภาพลักษณ์ตามที่สถาบัน องค์การ ต้องการจะเป็น


วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การเล่าหนังสือ

สรุปการเล่าหนังสือ (Book talk) (15/08/54)

การเล่าหนังสือ (Book talk)
   การเล่าหนังสือเป็นการนำหนังสือมาพูดให้ผู้ฟังเกิดความสนใจ โดยเลือกจุดเด่นของหนังสือมาเล่า พน้อมทั้งมีหนังสือมาแสดงขณะนั้นด้วย

การเตรียมการและวิธีเล่าหนังสือ
  1. เลือกหนังสือ
  2. พิจารณาจำนวนผู้ฟัง ระหว่างเด็กหญิงเด็กชาย
  3. พิจารณาภูมิหลังของผู้ฟัง
  4. จัดหัวข้อเรื่องทีจะเล่า กำหนดจำนวนหนังสือที่จะนำมาเล่าในหัวข้อนั้นๆ
  5. กำหนดเวลาในการเล่า
  6. ทำโน๊ตเกีย่วกับเรื่องที่จะพูด 
  7. บางครั้งใช้วิธีอ่านก็ได้
การวิจารณ์หนังสือ (Book review)
     การวิจารณ์หนังสือเป็นการพิจารณาหนังสือเกี่ยวกับลักษณะการเขียนเนื้อหาว่ามีข้อดีเด่น ประทับใจ หรือให้ความรุ้ ข้อคิดในเรื่องใด มีข้อบกพร่อง หรือ จุดอ่อนอยู่ในวิธีเขียน หรือ เนื้อหาสาระของเรื่องในตอนใดบ้าง

จุดประสงค์ของการจัดการวิจารณ์หนังสือในห้องสมุด
  1. ส่งเสริมให้มีการอ่านหนังสือที่มีคุณค่ามากขึ้น
  2. ส่งเสริมให้มีวิจารณญาณในการอ่าน
  3. เป็นการแนะนำหนังสือที่ดีในการอ่าน
 ลักษณะของนักวิจารณ์ที่ดี
  1. เป็นนักอ่าน หรือชอบอ่านอย่างมีวิจารณญาณ
  2. เป็นผู้พยายามศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องของหนังสือ วิธีการวิจารณ์
  3. ควรได้ศ฿กษาชีวิตและงานของนักเขียน ทัศนคติที่ปรากฏเด่นชัดในงานประพันธ์ ลีลาการเขียน และควรศึกษาผลงานอื่นๆของผู้เขียนด้วย
  4. มีความสามารถในการอ่านและมีวิจารณญาณอันดี
  5. มีใจเป็นกลาง
การจัดนิทรรศการ (Library display)
    เป็นการแสดงผลงานการศึกษาอย่างหนึ่งด้วยการแสดงงานให้ชม อาจมีผู้บรรยายให้ฟัง หรือไม่มีก็ได้ จะใช้สถานที่ในอาคาร หรือนอกอาคารก็ได้ การจัดนิทรรศการนั้น จะต้องจัดอย่างมีระเบียบเรียบร้อย ดูง่าย คำนึงถึงความแจ่มชัด ก่อให้เกิดความรู้

วัตถุประสงค์ในการจะดนิทรรศการของห้องสมุด
  1. กระตุ้นให้เกิดความสนใจในหนังสือ การอ่าน
  2. แสดงให้ผู้ใช้ทราบว่า บริการของห้องสมุด และทรัพยากรของห้องสมุดจะช่วยคนในชุมชนอย่างไร
  3. แจ้งข่าวคราวความเคลื่อนไหวในห้องสมุด และเหตุการณืความเป็นไปของโลกภายนอกให้ผู้ใช้ทราบ
  4. เชิญชวนให้ผู้ใช้เข้าถึงห้องสมุดได้มากขึ้น
  5. เพื่อจัดบรรยากาศห้องสมุดให้สดใส
ความรู้ที่บรรณารักษ์พึงมีเพื่อประโยชน์ในการจัดนิทรรศการที่ดี
  1. ความรุ้เรื่องศิลปะ
  2. ความรู้ในสาระของข้อมูลแต่ละเรื่อง
  3. มีความคิดสร้างสรรค์
  4. มีความเข้าใจในองค์ประกอบของศิลปะ
การแบ่งประเภทนิทรรศการ
  1. นิทรรศการใหญ่
  2. นิทรรศการย่อย
  3. นิทรรศการให้คำแนะนำโดยตรง
  4. นิทรรศการให้ความรู้
  5. นิทรรศการหนังสือ
  6. นิทรรศการเทศการและวันสำคัญ

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กิจกรรมห้องสมุด

สรุป กิจกรรมห้องสมุด (15/08/54)

กิจกรรมห้องสมุด

     ความหมายคือ เป็นงานที่ห้องสมุดจัดขึ้นเป็นครั้งคราว หรือในโอกาสต่างๆโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้ใช้เข้าใช้ห้องสมุดมากขึ้น และเป็นการส่งเสริมการอ่าน 
       ความสำคัญของกิจกรรมในห้องสมุด เป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักห้องสมุดมากขึ้น เป็นการกระตุ้นให้ผู้ใช้มาใช้ทรัพยากรห้องสมุดอย่างคุ้มค่า นอกจากนีน้แล้วยังเป็นประโยชน์ในด้านของการส่งเสริมการอ่าน การศึกษาค้นคว้า ซึ่งจะสอดคล้องกับระบบการศึกษาของไทย ที่ต้องการให้มีการศึกษาค้นคว้าตลอดชีวิต 
วัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมในห้องสมุด
  1. เพื่อประชาสัมพันธ์งานบริการต่างๆในห้องสมุด
  2. เพื่อรณรงค์ให้มีการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น
  3. เพื่อสร้างแรงจูงใจในการอ่านหนังสือที่หลากหลายมากขึ้น
  4. เพื่อเป็นก้าวแรกในการรู้จักศึกษาค้นคว้าสารสนเทศมาใช้จัดกิจกรรมที่มีประสิทธิภาพ
ประเภทของกิจกรรมในห้องสมุด
  1. กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
  2. กิจกรรมส่งเสริมความรู้เรื่องห้องสมุด
  3. กิจกรรมส่งเสริมการเรียนการสอน
  4. กิจกรรมส่งเสริมความรู้ทั่วไป
  5. กิจกรรมส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน เป็นกิจกรรมที่สร้างแรงจูงใจให้สมาชิกสนใจในการอ่านและเกิดนิสัยในการอ่าน ได้แก่
  • การเล่านิทาน
  • การออกร้านหนังสือ
  • การตอบปัญหาจากหนังสือ
  • การโต้วาที
กิจกรรมส่งเสริมความรู้เรื่องห้องสมุด เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้ใช้รุกจักค้นคว้าได้ด้วยตนเอง ได้แก่
  • การแนะนำการใช้ห้องสมุด
  • การนำชมห้องสมุด
  • การปฐมนิเทศห้องสมุด
  • การอบรมนักเรียนให้รู้จักช่วยงานห้องสมุด
กิจกรรมส่งเริมการเรียนการสอน เป็นกิจกรรมที่ห้องสมุดจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้แก่
  • การจัดนิทรรศการ
  • การตอบปัญหา
  • การประกวดภาพ
  • การประกวดเรียงความ
กิจกรรมส่งเสริมความรู้ทั่วไป เป็นกิจกรรมที่ห้องสมุดสร้างขึ้นเพื่อเสริมความรู้ให้กับผู้ใช้บริการ
  • การจัดสัปดาห์ห้องสมุด
  • การฉายสื่อมัลติมีเดีย
  • จัดป้ายนิเทศเสริมความรู้
กิจกรรมการส่งเสริมเวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมเวลาว่างให้เป้นประโยชน์จากการอ่าน ได้แก่
  • การจัดมุมการอ่าน
  • การจัดมุมหนังสือในห้องเรียน
  • การจัดห่องสมุดเคลื่อนที่
การเล่านิทาน (Story telling)
     การเล่านิทานเป็นการส่งเสริมการอ่านประเภทหนึง่ที่ช่วยให้เด็กมีนิสัยในการอ่าน เพราะนิทานมีความสนุกสนาน เพลิดเพลินเพิ่มพูนความรู้ทางภาษา เสริมสร้่างจินตนาการ ผู้เล่าจะต้องพยายามสื่อไปในหนังสือในตัวเล่มให้ได้ และผู้เล่าควรทิ้งท้ายไว้ให้ติดตามต่อไปนักเรียนจะต้องอยากรุ้และหาหนังสือมาอ่านเอง
ประเภทของนิทานที่มีในไทย
  1. นิทานก่อนมีประวัติศาสตร์
  2. นิทานประเภทชาดกในนิบาตชาดก
  3. นิทานประเภทคำกลอน
  4. นิทานนอกนิบาตชาดก
  5. นิทานพื้นเมือง
  6. นิทานประเภทจักรๆวงศ์
  7. นิทานสุภาษิต
  8. นิทานยอพระเกียรติ
การเตรียมตัวก่อนเล่านิทาน
    การเล่านิทานเป็นศิลปะอันจะฝึกฝนได้ ผู้เล่าต้องอ่านเรื่องที่เล่าซ้ำจนขึ้นใจ บางครั้งต้องใช้หนังสือเป็นองค์ประกอบ โดยเฉพาะเมื่อเล่าให้เด็กฟัง

วิธีการเล่านิทาน
  1. จัดให้เด็กนั่งเตรียมสำหรับการฟัง
  2. เล่้าด้วยความมั่นใจ
  3. ใช้ภาษาสำนวนง่ายๆ
  4. ผู้เล่าต้องมองผู้ฟังอย่างทั่วถึง
  5. จิตใจจดจ่อกับเรื่องที่เล่า
  6. สร้างมโนภาพในเรือ่งที่จะเล่า
  7. แสดงท่าทางประกอบในการเล่า
ประโยชน์ที่เด็กจะได้รับจากการเล่านิทาน
  1. รู้จักเลือกอ่านหนังสือ
  2. รุ้จักการแก้ปัญหาให้ตนเองได้
  3. ทำให้เด็กมีประสบการณ์กว้างขวางมากขึ้น
  4. เปิดโอกาสให้เด็กหัวเราะ
  5. ช่วยให้เด็กได้ตัดสินใจว่าเป็นสิ่งที่สังคมของเขายอมรับ

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บริการข่าวสารที่ทันสมัย Current Awareness Service CAS

สรุป บริการข่าวสารที่ทันสมัย Current Awareness Service CAS (19/07/54)

บริการข่าวสารที่ทันสมัย Current Awareness Service CAS

ความหมาย 
    Van Brakel (1997:127) บริการช่วยให้ผู้ใช้ได้รับข่าวสารทันสมัยและการปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสาขาที่สนใจ
   Hamiton(1995:3) บริการสารสนเทศที่ทันสมัย เป้นยริการแจ้งให้ผู้ใช้ทราบถึงข้อสนเทศใหม่ๆ ความสนใจของผู้ใช้ทันทีที่สถาบันนั้นๆ ได้รับทรัพยากรสารสนเทศ หีือทราบว่ามีสารสนเทศนั้นเกิดขึ้นในรุปแบบที่หลากหลาย จากสารสนเทศสิ่งพิมพ์ หนังสือ วารสาร เอกสารการประชุม วิทยานิพนธ์ สารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ สื่อประสม

ปรัชญาการบริการ
    เอกสารที่ต้องการ สำหรับบุคคลที่ใช้ ในเวลาที่ทัน

วัตถุประสงค์ (Fourie,1999)
    ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ตามความต้องการ

รูปแบบของการบริการ CAS 
    เดิม การเสียนเอกสาร หรือจัดส่งโดยตรงโดย
  • สำเนาหน้าปก สำเนาสารบาญ หรือหน้าแรกของบทความ สาระสังเขป
  • ตัดข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ส่ง หรือ สรุปข่าว
  • นำเสนอจดหมายข่าว Newsletter
งาน CAS ใช้เวลาในการจัดทำมากจึงเริ่มมีการนำมาแทรกในเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้นในการใช้การบริการ

ผู้นำฐานข้อมูลเริ่มจัดทำบริการเสริมการใช้ฐานข้อมูล เช่น
  • ingenta จะให้บริการส่งบทความใหม่ทุกอาทิตย์ในหัวข้อที่ผู้ใช้บริการสนใจ
  • Emerald จัดทำบริการจดหมาย TOC และแจ้งบทความใหม่ในเรื่อง/หัวข้อที่ผู้ใช้กำหนด แจ้งทาง E-mail 
  • Google จัดบริการ Alert แต้งบทความใหม่ในเรื่อง/หัวข้อที่ผู้ใช้กำหนด/แจ้งทาง E-mail
การเขียนเอกสารแบบเดิม
สามารถทำได้ 3 วิธี
  1. ส่งโดยตรงจากผู้ใช้ต่อๆกันไป
  2. แบ่งผู้ใช้ออกเป็นกลุ่มเล็กๆ
  3. จัดส่งโดยตรงไปยังผู้ใช้แต่ละคน
ข้อควรปฏิบัติในการเวียนเอกสาร
  1. ไม่ควรจัดบริการแก้สมาชิกใหม่
  2. ไปเยี่ยมผู้ใช้ ณ ที่บริการเป้นครั้งคราว เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้ใช้ส่งเอกสารไวขึ้น
  3. จัดลำดับให้ผู้ใช้รับเอกสารก่อนหลังสลับกันบ้าง
ข้อดีของการเวียนวารสาร คือ
  • เป็นการกระจายสารสนเทศไปสู่ผู้ช้ที่แน่นอน โดยเฉพาะผู้ใช้ที่อยู่ห่างไกลจากแหล่งสารสนเทศ
  • ให้โอกาศผู้ใช้ได้เห็นเนื้อหาของเอกสาร แต่ละรายการรวมทั้งข่าวหรือโฆษณาในเอกสาร
ข้อด้อย คือ
  • ผู้ใช้ที่ได้เอกสารคนสุดท้าย อาจได้รับสารสนเทศที่ล้าสมัยแล้ว
  • เสี่ยงต่อการชำรุดเสียหานของเอกสาร
  • เพิ่มภาระของงานมากขึ้น
การจัดแสดงทรัพยากรสารสนเทศใหม่
   เป็นการนำสารสนเทศที่เข้ามาใหม่จัดแสดงในระยะเวลาที่เหมาัะสม
ระยะเวลาในการแสดง
  • ส่วนใหญ่แล้วประมาณ 2 สัปดาห์
  • บางแห่งจะใช้วิธีทยอยออกมาแสดง
  • บางแห่งรวมนำมาออกแสดงครั้งเดียว
การอนุญาติให้ใช้ในขณะจัดแสดง
การจัดแสดงสามารถให้ยืมสารสนเทศได้
การดำเนินการทางด้านเทคนิค
   ทรัพยากรสารสนเทศที่นำมาแสดงส่วนใหญ่เป็นทัพยากรทางเทคนิคเรียบร้อยแล้วดังนั้นจึงควรพิจารณาด้วยว่าเป็นทรัพยากรสารสนเทศประเภทใด หรือรายการใด ควรนำจัดแสดงก่อนหรือหลังดำเนินการด้านเทคนิค

โทรคมนาคม (Telecomms)
  โทรศัพท์ คิมพิวเตอร์ มือถือ Voice-mail หรือ E-mail
ข้อดี
  ผู้ใช้คุ้นเคยกับการสื่อสารด้วยคำพูด บางครั้งผู้รับ ชอบฟังมากกว่าผู้อ่าน ถ้าสิง่ที่ฟังเป็นประโยชน์

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บริการสอนการใช้ (Instruction services)

สรุป บริการสอนการใช้ (Instruction services) (10/07/54)

บริการสอนการใช้ (Instruction services)

สมาคมห้องสมุดอเมริกันได้กำหนดไว้คือ
   หน้าที่ของห้องสมุดทุกประเภท คือต้องจัดการให้ผู้ใช้มีโอกาสเข้าใจในระบบการจัดการสารสนเทศ การแนะนำการใช้ห้องสมุดถือเป็นหลักการแรกในการให้บริการ 
   ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสารสนเทศได้ด้วยตนเอง เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต(Life Learning) ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการช่วยค้นหาสารสนเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเรียนรู้วิธีค้นสารสนเทศด้วยตนเองต่อไปในอนาคตอีกด้วย

Literacy
   มีความหมายครอบคลุมเพียงการอ่านออกเขียนได้ คิดเลขเป็นพอใช้ ชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบันได้ (ชุติมา สัจจานันท์,2550,น.27)

Information Literacy
    การรู้สารสนเทศ หมายถึง ความรู้ ทักษะความสามารถของบุคคลในการตระหนักถึงความต้องการสารเสนเทศ การเข้าถึงสารสนเทศและแหล่งสารสนเทศ การประเมินสารสนเทศ และการนำสารสนเทศไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและส่วนรวม

นอกจากนี้แล้วยังมีคุณสมบัติอื่นๆอีกคือ

Computer literacy
     ทักษะการรู้สารสนเทศการรู้คอมพิวเตอร์ หมายถึงการที่บุคคลมีความรู้ความเข้าใจ คุณสมบัติระบบ และการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ให้เกิดประโยชน์กับงานของตนเองเข้ามาด้วย เนื่องจากเห็นว่าคอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลางในการจัดการสารสนเทศ และการเข้าถึงสารสนเทศ รวมทั้ง การนำมาใช้งานในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้น

Library literacy
     การรู้ห้องสมุด ผู้เรียนต้องรู้ว่า ห้องสมุดเป็นแหล่งรวบรวมสารสนเทศในสาขาวิชาต่างๆ ไว้ในรูปแบบที่หลากหลายทั้งในรูปสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโสตทัศน์ และสื่ออิเลกทรอนิกส์ รู้วิธีการจัดเก็บสื่อ รู้จักใช้เครื่องมือช่วยค้นต่างๆ รู้จักกลยุทธ์ในการค้นคืนสารสนเทศแต่ละประเภท รวมทั้งบริการต่างๆ ของห้องสมุด โดยเฉพาะห้องสมุดของสถาบันการศึกษาที่ผู้เรียนกำลังศึกษาอยู่จะต้องรู้จัก อย่างลึกซึ้งในประเด็นต่างๆ ดังกล่าวแล้ว การรู้ห้องสมุดครอบคลุมการรู้แหล่งสารสนเทศอื่นๆด้วย

Network Literacy
     การรู้เครือข่าย ผู้เรียนต้องรู้ขอบเขตและมีความสามารถในการใช้สารสนเทศทางเครือข่ายที่ เชื่อมโยงถึงกันทั่วโลก สามารถใช้กลยุทธ์การสืบค้นสารสนเทศจากเครือข่าย และการบูรณาการสารสนเทศจากเครือข่ายกับสารสนเทศจากแหล่งอื่นๆ
  
Visual Literacy  
    การรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เห็น ผู้เรียนสามารถเข้าใจและแปลความหมายสิ่งทีเห็นได้รวมถึงความสามารถในการคิด วิเคราะห์ การเรียนรู้ การแสดงความคิดเห็น และสามารถใช้สิ่งที่เห็นนั้นในการทำงานและการดำรงชีวิตประจำวันของตนเองได้ เช่น สัญลักษณ์บุหรี่ และ มีเครื่องหมายกากบาททาบอยู่ด้านบนหมายถึง ห้ามสูบบุหรี่ สัญลักษณ์ผู้หญิงอยู่หน้าห้องน้ำ หมายถึง ห้องน้ำสำหรับสตรี เป็นต้น 

Media Literacy  
  การรู้สื่อ ผู้เรียนต้องสามารถเข้าถึง วิเคราะห์ และผลิตสารสนเทศจากสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ ภาพยนตร์ วิทยุ ดนตรี หนังสือพิมพ์ นิตยสาร เป็นต้น รู้จักเลือกรับสารสนเทศจากสื่อที่แตกต่างกัน รู้ขอบเขตและการเผยแพร่สารสนเทศของสื่อ เข้าใจถึงอิทธิพลของสื่อ และ สามารถพิจารณาตัดสินได้ว่าสื่อนั้นๆ มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงไร 

Digital Literacy  
    การรู้สารสนเทศดิจิทัล ผู้เรียนสามารถเข้าใจและใช้สารสนเทศรูปแบบซึ่งนำเสนอในรูปดิจิทัลผ่าน เครื่องคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างการรู้สารสนเทศดิจิทัล เช่น สามารถดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลจากแหล่งทรัพยากรสารสนเทศที่เข้าถึงในระยะไกลมา ใช้ได้ รู้ว่าคุณภาพสารสนเทศที่มาจากเว็บไซต์ต่างๆ แตกต่างกันรู้ว่าเว็บไซต์น่าเชื่อถือและเว็บไซต์ไม่น่าเชื่อถือ รู้จักโปรแกรมการค้นหา สามารถสืบค้นโดยใช้การสืบค้นขั้นสูง รู้เรื่องของกฎหมายลิขสิทธิ์ที่คุ้มครองทรัพยากรสารสนเทศบนเว็บไซต์ การอ้างอิงสารสนเทศจากเว็บไชต์ เป็นต้น 
  
Language Literacy 
  การมีความรู้ด้านภาษา ผู้เรียนมีความสามารถกำหนดคำสำคัญสำหรับการค้น ในขั้นตอนการค้นคืนสารสนเทศที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ การค้นสารสนเทศจาก
อินเตอร์ เนต และการนำเสนอสารสนเทศที่ค้นมาได้ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่จำเป็นมากที่สุด เนื่องจากเป็นภาษาสากล และสารสนเทศส่วนใหญ่เผยแพร่เป็นภาษาอังกฤษ
 

Critical Thinking 
   การคิดอย่างมีวิจารณญาณ ผู้เรียนสามารถคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ตัดสินใจเลือกรับสารสนเทศที่นำเสนอไว้หลากหลาย โดยการพิจารณาทบทวนหาเหตุผล จากสิ่งที่เคยจดจำ คาดการณ์ โดยยังไม่เห็นคล้อยตามสารสนเทศที่นำเสนอเรื่องนั้นๆ แต่จะต้องพิจารณาใคร่ครวญไตร่ตรองด้วยความรอบคอบและมีเหตุผลว่าสิ่งใดสำคัญ มีสาระก่อนตัดสินใจเชื่อ จากนั้นจึงดำเนินการแก้ปัญหา 

Information Ethic 
    การมีจริยธรรมทางสารสนเทศ การสร้างผู้เรียนให้เป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ มีความสำคัญและเป็นเป้าหมายหลักของการจัดการศึกษา เพื่อปลูกฝังผู้เรียนให้รู้จักใช้สารสนเทศโดยชอบธรรมบนพื้นฐานของจริยธรรม ทางสารสนเทศ เช่น การนำข้อความหรือแนวคิดของผู้อื่นมาใช้ในงานของตนจำเป็นต้องอ้างอิงเจ้าของ ผลงานเดิม การไม่นำข้อมูลที่ขัดต่อศีลธรรมและจรรยาบรรณของสังคมไปเผยแพร่ เป็นต้น  
แหล่งอ้างอิง : คณาจารย์ภาควิชาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ศรีนครินทรวิโรฒ.//(2548).ทักษะการรู้สารสนเทศ.//พิมพ์ครั้งแรก.//กรุงเทพฯ: ภาควิชา
บรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 



การส่งเสริมการเรียนรุ้ในสถาบันอุดมศึกษา
      การพัฒนาให้ผู้ใช้เป็นผู้รู้สารสนเทศ จำเป็นต้องเร่งดำเนินการปูพื้นฐานตั้งแต่การศึกษาระดับต้น และต่อเนื่องถึงระดับอุดมศึกษา (Bruce,2002)
     ประเทศต่างๆจึงกำหนดให้ทักษะการเรียนรู้สารสนเทศ เป้นทักษะหนึงที่ต้องพัฒนาให้เกิดขึ้นในตัวผู้เรียน นอกเหนือจากการเรียนรุ้ในสาขาวิชาด้านต่างๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการเรียนการสอน
      จัดทำเกณฑ์ และแบบทดสอบใช้ 3 มาตรฐาน ด้วยกัน คือ 
  1. สหรัฐอเมริกา Association of college and Research Library 
  2. สถาบันสากล Education testing service (ETS)
ห้องสมุดและการส่งเสริมการรู้สารสนเทศ
      เรียกได้หลากหลาย เช่น การแนะนำห้องสมุด/นำชม (Library Orientation) การสอนการเข้าถึงบรรณานุกรม (Bibliographic Instruction) การให้การศึกษาผู้ใช้ (Users Education) หรือการฝึกทักษะการเรียนรู้ (Information skills training)


การบริการสอนการใช้ห้องสมุดจะจดบริการ 2 ลักษณะ คือ บริการเฉพาะ (One-to-One Instruction) ให้บริการเป็นกลุ่ม (Group Instuction)
  •  นำชมห้องสมุดเกี่ยวกับ ลักษณะทางกายภาพห้องสมุด เจ้าหน้าที่ห้องสมุด เป็นต้น
  • บริการสอนการใช้เครื่องมือช่วยค้นหา
  • บริการสอนการค้นคว้า

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บริการนำส่งเอกสาร

สรุป บริการนำส่งเอกสาร (06/07/54)

บริการนำส่งเอกสาร

      การจัดหาเอกสารที่ผู้ใช้ต้องการทั้งเอกสารที่พิมพ์เผยแพร่และไม่ได้พิมพ์เผยแพร่ ซึ่งจัดส่งอยู้ในรูปแบบของกระดาษ และวัสดุย่อส่วน หรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยวิธีการส่งที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีการคิดค่าบริการส่งสำหรับผู้ใช้
        บริการที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์ที่ผู้บริการนำส่งต้องขออนุญาตผู้มีสิทธิ์ในผลงานนั้น และเสียค่าลิขสิทธิ์ให้ถูกต้องก่อนการทำสำเนาและส่งถึงลูกค้า

บริการนำส่งสารสนเทศ (Document Delivery)
        
         บริการเสริมที่ ILL มีเครือข่าย และนอกเหนือเครือข่ายที่ไม่มีให้บริการ
  • หนังสือ บทในหนังสือ บทความวารสาร รายงานการประชุม
  • รวมถึงการติดต่อให้ได้มาซึ่งเอกสารที่ผู้ใช้ต้องการจากผู้จัดจำหน่าย เช่น วารสารที่มีราคาสูงมาก จะมีการใช้บริการเป็นครั้งๆ เมื่อต้องการ
  • การจัดการให้ผู้ใช้ได้เอกสารผ่านทางฐานข้อมูล
ปรัชญาการบริการ
  • มีการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้
  • เพิ่มศักยภาพในการบริการผู้ใช้
  • มีการแก้ปัญหาในการบริการในด้านต่างๆเสมอ
  • ไม่มีห้องสมุดใดที่มีทรัพยากรสารสนดเทศครบตามที่ผู้ใช้ต้องการ
  • มีงบประมาณลดลง ผู้ใช้ถูกจำกัดการใช้
วิธีการนำส่ง 
        มีการนำส่งทั้งภายใน และภายนอก
  1. ส่งทางไปรษณีย์
  2. ทางโทรสาร
  3. ยานพาหนะ
       Electronic Document delivery Services = เร็ว
  1. ทาง E-mail
  2. นำส่งด้วยภาพลักษณ์เอกสาร (Document image system) ซึ่ง Prospero เป็นโปรแกรม OSS ใช้ในการส่งเอกสารแนบ tiff file ซึงไม่สามารถ copy ได้ 
ผู้้ให้บริการ
สถาบันบริการสารสนเทศ
  1. จัดส่งในสถาบัน
  • ทาง E-mail
  • ทางยานพาหนะ
  • ทางระบบออนไลน์ e-office
  2. การจัดส่งระหว่างสถาบันควรมีข้อตกลงร่วมกันระหว่างตัวแทนจัดหาและการจัดส่งเอกสาร
  3. ผู้ให้บริการทั่วไป
  4. ผู้ให้บริการเฉพาะด้านสาขา
  5. ผู้ให้บริการที่เป้นสำนักพิมพ์
  6. ผู้ให้บริการที่เป็นผู้จัดจำหน่ายฐานข้อมูล
  7. ผู้ให้บริการที่้เป็นนายหน้าค้าสารสนเทศ

การบริการ
  • การบริการแบบปกติทั่วไป
  • การบริการแบบออนไลน์

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บริการยืมหนังสือสำรอง

สรุป บริการหนังสือสำรอง (02/07/54)

บริการยืมหนังสือสำรอง

ปรัชญาของหนังงานหนังสือสำรอง
  • ส่งเสริมการเรียนการสอน
หนังสือสำรอง
  • ทรัพยากรสารสนเทศที่มีจำกักในระยะเวลาที่ยืมทรัพยากร
  • มีการให้บริการที่เคาเตอร์ยืมคืน
  • ส่วนใหญ่แล้วใช้ในห้องสมุดเท่านั้น
  • หากมีการอนุญาติให้ยืม จะมีขั้นตอนในการยืมปกติทั่วไป
  • มีการจำกัดจำนวนในการยืม
ทรัพยากรสารสนเทศที่ให้ยืม
  • ทรัพยากรสารสนเทศในห้องสมุดทุกชนิด
  • ทรัพยากรสารสนเทศส่วนบุคคล
  • CD,VCD.DVD
  • บทความชนิดต่างๆ
  • ตัวอย่างแบบทดสอบ ข้อความ ความเรียงประเภทต่างๆ
  • เอกสารฉบับ Electronics เมื่อมีปัญหาในด้านค่าใช้จ่ายและมีระบบป้องกันในการเข้าใช้เพื่อไม่ให้มีการคัดลอกสำเนาไปใช้ได้
ความสำคัญบริการหนังสือสำรอง
  • มีบทบาทในการสนับสนุนการเรียนการสอน
  • ทำให้นักศึกษาสามารถขเา้ถึงสารสนเทศได้อย่างเท่าเทียมกัน
  • สร้างความสักพันธ์ที่ดีต่อบรรณารักษ์และผู้สอน
  • คุณภาพการบริการ
  • นิยมบริการในห้องสมุดอุดมศึกษา
  • อาจมีบริการในห้องสมุดโรงเรียน
  • มีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอในแต่ละเทอม
ขั้นตอนในการดำเินินงาน
     งานที่ปฏิบัติ
  • รับใบขอบริการ การขอใช้บริกา่ีร การขอใช้ออนไลน์
  • รับเอกสาร หรือ คัดทรัพยากรสารสนเทศจัดการบริการ มีการตกลงระยะเวลาในการยืม
  • จัดทำสำเนาหรือสแกน
  • มีการเข้าเล่ม
  • จัดการระเบียบเอกสาร เช่น การจัดหมวดหมู่ หรือจัดทำระบบที่ทำให้หยิบง่าย นิยมเรียงตาืมชื่อกระบวนวิชาผู้สอน หรือมีการกำหนดหมายเลข"ทำบัตรยืม"
  • กำหนดระยะเวลาระเบียบในการยืม
  • ให้บริการยืมคืน
  • จัดเก็บค่าปรับ
  • คืนย้ายเอกสารเก็บ
  • แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
  • จัดเก็บสถิติ
  • การดูแลรักษาเอกสาร
  • การรักษาความปลอดภัย
 การจัดเก็บ
  • การจัดเก็บตามหมายเลขกระบวนวิชาชื่อผู้สอน เรียงตามชื่อเรื่อง หรือชื่อผู้แต่ง หรือมีการกำหนดหมายเลข
  • บทความแบบทดสอบในการจัดเก็บในแฟ้ม และใส่บาร์โค้ดสำหรับยืมออก
  • เอกสารที่มีการสแกน ให้มีการจัดเก็บไว้บน OPAC และแจ้งแหล่งจัดเก็บ หรือมีการจัดทำรายชื่อแยกไว้
การจัดการเอกสาร
  • จัดทำบัตรยืม และมีคำแนะนำ
  • ใช้สีแตกต่างกันในกรณีที่มีระยะเวลาในการยืมที่แตกต่างกัน
  • ใช้ชื่อผู้สอนกระบวนวิชา
ระยะเวลายืม
  • ยืมในห้องสมุดทั่วไประยะเวลาที่กำหนด 2 ชั่วโมงไม่มีการขอยืมต่อ
  • ยืมออกห้องสมุด 1-2 วัน หรือเฉพาะนอกเวลาทำการ และนำมาคืนในระยะเวลาที่กำหนด มีค่าปรับสูงสำหรับคิดเป็นชั่วโมง
  • ทั่วไปแล้วระยะเวลาในการยืมจะต้องสั้นกว่าปกติ และต้องให้หมุนเวียนในกล่มผู้ใช้อย่างทั่วถึง
การเข้าถึง
  • โปรแกรมห้องสมุดจะมีงานหนังสือสำรองให้
  • ระบบที่มีการสำรองจะมีการแจ้งในการค้น OPAC ทั่วไประบบห้องสมุดอัตโนมัติจะมีโปรแกรมจัดการหนังสือสำรองให้
  • มีการทำรายการแจ้งแยกให้สามารถค้นหาได้
  • แจ้งผู้สอนถึงการจัดเก็บ วิธีการจัดเก็บ เพื่อผู้สอนแจ้งการศึกษา
ความสัมพันธ์กับผู้สอน
  •  ให้พยายามติดต่อสื่อสารกับผู้สอนอย่างสม่ำเสมอ
  • ผู้สอนมักลืมว่าได้มอบเอกสารให้ห้องสมุดเพื่อให้นักศึกษาได้ใช้ บรรณารักษ์ต้องดำเนินการแจ้งให้มารับ หรือ ประสานงานในรูปแบบของการส่งคืนที่ต้องการ หรือจะให้จัดเก็บไว้เพื่อดำเนินการต่อ
การจัดเข้าหน้าที่ คุณสมบัติ
  • ปรับจำนวนผู้บริการตามจำนวนการเข้าใช้ ไม่สามารถกำหนดแน่นอนได้
  • มีทักษะการสื่อสาร การประสานงาน การต่อรอง แลัมีความหยืดหยุ่น
  • มีความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายลิขสิทธิ์
Reserve Card
  • มีการแนบกับเอกสารทุกชิ้น
  • ใช้บัตรต่างสีสำหรับระยะเวลาการยืมที่แตกต่างกัน
Contidenttiality ความลับ and Reserves
  • ไม่เปิดเผยชื่อผู้ยืม เช่นเดียวกับการยืมปกติ
  • ไม่แต้งชื่อผู้ยืมกับผู้สอน
  • ผู้สอนอาจใช้วิธีลงชื่อยืมใช้
การจัดเก็บ
  • ชั้นปิด
  • บริเวณให้บริการยืมคืน
  • บริเวณที่ใกล้เคียงกับบริการยืมคืน
  • หรือมีห้องที่แยกเฉพาะ
แนวโน้มการให้บริการในอนาคต
  • มีเอกสารดิจิทัลให้สามารถปรับเปลี่ยน และมีการแสดงรายการผ่าน OPAC หรือการจัดทำรายการฉบับพิมพ์
  • สามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลาและสถานที่
  • มีการป้องกันสิทธิ มี password protected
  • อาจารย์สามารถเสนอเอกสารบน web page ของตัวเองได้

วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุด

 สรุป การดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุด (28/06/54)

การดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุด

     มีคณะกรรมการควบคุมการดำเนินงาน ปรับปรุงพัฒนา Union catalog มีคณะทำงานฝ่ายสารสนเทศห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา
  1. จัดทำคู่มือ
  2. กำหนดมาตรฐานร่วมกัน
  3. กำหนดรูปแบบมาตรฐานการประสานงาน
  • ห้องสมุดที่ให้บริการเป็นผู้กำหนดนโยบายพิเศษวิธีการยืมระหว่างห้องสมุด
  • กำหนดรายละเอียดระบบการยืมระหว่างห้องสมุด
ผู้มีสิทธิใช้บริการ สมาชิกห้องสมุดทุกประเภท
ลักษณะการให้บริการ สมาชิกของห้องสมุดอาจไปยืมและคืนด้วยตนเอง หรือใช้บริการระหว่างห้องสมุด
ทรัพยากรที่ให้บริการ หนังสือ ตำรา งานวิจัย วิทยานิพนธ์ บทความในวารสารหรือในหนังสือ
จำนวนสิ่งพิมพ์ที่ให้ยืม 3 รายการ / คน (ในคราวเดียวกันไม่เกิน 20 เล่ม ต่อสถาบันอุดมศึกษา)
ระยะเวลาการยืม ประมาณ 1-2 สัปดาห์
ค่าบริการ (ตามประกาศทบวงมหาวิทยาลัย เรื่อง ข้อตกลงว่าด้วยการบริการระหว่างห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2550) ผู้รับบริการรับผิดชอบดังนี้
- ค่ายืมฉบับจริง 100 บาท / เล่ม (เป็นค่าส่งเอกสารลงทะเบียน)
- ค่าสำเนาเอกสาร ราคาประมาณ 2 บาท / หน้า
- ค่า Scan ส่งทางระบบไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เอกสารข้อความหน้าละ 5 บาท
- ค่าส่งเอกสาร ตามใบแจ้งราคา
- ค่าธรรมเนียมการส่งเงิน ตามอัตราการไปรษณีย์แห่งประเทศไทย
ขั้นตอนการรับบริการ (ห้องสมุดดำเนินการให้) 1. ผู้รับบริการกรอกแบบฟอร์มการรับบริการยืมระหว่างห้องสมุด หรือส่งแบบฟอร์มที่กรอกเรียบร้อยแล้วที่ห้องสมุดที่ท่านสะดวกรับเอกสาร
2. ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ห้องสมุด และจ่ายค่ามัดจำ (50 - 100 บาท / บทความ หรือ 300 - 500 บาท / สำเนาเอกสารทั้งเล่ม)
3. เมื่อห้องสมุดผู้ดำเนินการได้รับเอกสาร จะติดต่อแจ้งให้ท่านมารับเอกสารต่อไป
http://library.cmu.ac.th/cmul/node/125
  • ทำการสำรวจการให้บริการยืมฉบับจริงทางไปรษณีย์
  • คู่มือต่างๆที่ได้นำขึ้นใช้บนเว็บไซด์ดำเนินงาน
การดำเนินงานในระบบอัตโนมัติ (Automated ILL)
     ภายในสถาบันเครือข่ายสามารถแก้ปัญหาในการเข้าถึงสารสนเทศได้มากขึ้น

การยืมระหว่างห้องสมุดผ่านเครือข่ายระบบอินเทอร์เน็ต(Interlibrary loan SW-ILL SW)

การคิดค่าบริการ
    ในการให้บิการมีการคิดค่าบรอการจากผู้ใช้ ทั้งนี้อย่างน้อยเพื่อให้มั่นใจว่า ผู้ใช้จะมารับรายการที่ยืมไว้แน่นอนและผู้ใช้ก็มั่นใจได้ว่าสถาบันจะดำเนินการให้อย่างแน่นอนเช่นกัน โดยปกติแล้วจะมีการคิดค่าบริการสำหรับบริการพิเศษบางอย่างอยู่แล้ว เป็นค่าใช้ยริการฐานข้อมูลออนไลน์กับค่าบริการฐานข้อมูลเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายต่างๆดังนี้ ค่าไปรษณีย์ ค่าประกันความเสียหาย ค่าบริการจากสถาบันผู้ให้ยืม

การจัดส่งเอกสาร
  • ทางไปรษณีย์
  • บรืการส่งพัสดุ
  • บริการรับส่งเอกสาร
การบรรจุหีบห่อและการจัดส่ง
การดำเนินการเมื่อได้รับเอกสาร
วัสดุที่ควรเพิ่มเติมในเอกสาร
การคุ้มครอง
   ให้ความคุ้มครองแก่งานสร้างสรรค์ 9 ประเภท ได้แก่
ได้แก่
    1. งานวรรณกรรม  ( หนังสือ  จุลสาร  สิ่งพิมพ์  คำปราศรัย  โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ฯลฯ )
    2. งานนาฎกรรม  ( ท่ารำ  ท่าเต้น ฯลฯ )
    3. งานศิลปกรรม  ( จิตรกรรม  ประติมากรรม  ภาพพิมพ์  ภาพถ่าย  ศิลปประยุกต์ ฯลฯ )
    4. งานดนตรีกรรม ( ทำนอง  ทำนองและเนื้อร้อง ฯลฯ )
    5. งานสิ่งบันทึกเสียง ( เทป  ซีดี )
    6. งานโสตทัศนวัสดุ  ( วีซีดี  ดีวีดี  ที่มีภาพหรือมีทั้งภาพและเสียง )
    7. งานภาพยนตร์
    8. งานแพร่เสียงแพร่ภาพ
    9. งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

บริการยืมระหว่างห้องสมุด/สถาบัน (Inter Library loan ILL)

สรุป บริการยืมระหว่างห้องสมุด/สถาบัน (Inter Library loan ILL) (25/06/54)


บริการยืมระหว่างห้องสมุด/สถาบัน (Inter Library loan ILL)

ฝ่ายบริการห้องสมุดจะคำนึงถึงว่าการให้บริการยืมระหว่างห้องสมุดเป็นบริการหลัก (Basic Service)

งาน ILL ประกอบด้วย
  1. ขอยืม (Borrowing)
  2. ให้ยืม (Landing)
ความคาดหวังของผู้ใช้ (Use Expectations)
  • ห้องสมุดใ้ห้บริการสารสนเทศแก่ผู้ใช้
  • มีความสะดวกในการเข้าถึง
  • ได้มาซึ่งสารสนเทศที่ต้องการและเหมาะสม
  • มีความน่าเชื่อถือ
  • ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าใช้
  • สามารถสนองความต้องการของผู้ใช้
ความหมาย : บริการยืมคืนระหว่างห้งอสมุด/สถาบัน
      บริการที่สถาบันหรือสถาบันสารสนเทศร่วมมือกันในการใช้บริการของใช้วัสดุห้องสมุดภายในสถาบัน หรือสถาบันบริการสารเสนเทศแห่งอื่นๆ โดยมีข้อตกลงร่วมกัน
  • ระหส่างสถาบันสาชากับสถาบันศูนย์กลาง
  • ยืมระหว่างสถาบันภายในประเทศ ห้องสมุดประชาชนอาจยืมหนังสือหายากจาก หน่วยงานจดหมายเหตุ หรือพิพิธภัณฑ์ มาแสดงนิทรรศการหนังสือหายาก
  • ยืมระหว่างสถาบันที่อยู่ต่างประเทศ
ปรัชญาของการบริการ ILL
  • ไม่มีห้องสมุดใดที่สามารถจัดทรัพยากรที่สามารถตอบสนองความต้องการสารสนเทศผู้ใช้ได้ทั้งหมด
  • ความร่วมมือเป้นพื้นฐานขิงการบริการ ILL
  • ความต้องการของผู้ใช้เป็นสิ่งที่ต้องสามารถตอบความต้องการของผู้ใช้ได้
ความสำคัญของ ILL 
  1. ขยายความสามารถในการเข้าถึง
  • ลดปัญหาการมีวัสดุไม่พอเพียง การใช้สารสนเทศผู้ใช้ที่อยุ่ห่างไกลหรือผู้ใช้ของสถาบันขนาดเล้กที่มีข้อกำจัดทางด้านงบประมาณ บุคลากร และทรัพยากรสารสนเทศ
  • ลดช่องว่างระหว่างสถาบัน ความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงสารสนเทศ ห้องสมุดขนาดเล็กมีโอกาสในการเ้ข้าใช้สารสนเทศทัดเทียมกับผู้ใช้ที่อยุ่ในเมืองใหญ่ ผู้ใช้สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในสถาบันนั้นได้
    2. ช่วยลดข้อจำกัดด้านระยะทาง
    3. มีการใช้ทรัพยากรสารสนเทศ คุ้มค่า คุ้มทุน
    4. ช่วยประหยัดงบประมาณ หลีกเลี่ยงการซื้อซ้ำซ้อน โดยเป็นการยืมแทนการซื้อ
    5. ช่วยให้สามารถเข้าถึงทรัพยากรที่หายากและมีเฉพาะบางห้องสมุดเท่านั้น
    6. สร้างความเข้มแข็งในการจัดการ การยริการในกลุ่มห้องสมุดเพิ่มความก้าวหน้า
    7. สร้างภาพพจน์ที่ดีในการบริการ

องค์ประกอบการบริการระหว่างห้องสมุด
  1. การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ (Polinet)
  2. การสร้างข้อตกลงร่วมมือ ในการบริการยืมระหว่างห้องสมุด
การดำเนินงานบริการยืมระหว่างห้องสมุด
  • ใีคณะกรรมการควบคุมการดำเนินงานปรับปรุงห้องสมุด Union Catalog มีคณะทำงานฝ่ายบริการสารสนเทศห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา
  • คณะทำงานร่วมกัน พิจารณาเกี่ยวกับการให้ยืมฉบับจริงไปได้

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การกำหนดค่าปรับ

สรุป การกำหนดค่าปรับ (22/06/54)

การกำหนดค่าปรับ
  • การกำหนดจำนวนที่แตกต่างกัน
  • ค่าปรับในส่วนของระยะสั้นจะมีค่าปรับที่สูงกว่ากำหนดยืมระยะยาว
  • ค่าปรับทรัพยากรสารสนเทศแต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน
  • ควรส่งเอกสารการแต้งเตือนทุกครั้งก่อนวันส่ง
การจัดการปัญหาในการปรับ
  • มีการยกเว้น (Amnesty Pragrams)
  • มีการผ่อนผัน (Grace period)
  • หากไม่มีการส่งคืน และไม่จ่ายค่าปรับสิทธิการใช้ห้องสมุดจะถูกระงับ เช่น การยกเลิกการเป็นสมาชิก งดเว้นบริการให้ยืม
  • ในบางห้องสมุดอาจมีการใช้บริการติดตามจากบริษัท ที่มีการติดตาม(น้อบมาก)
  • ห้องสมุดมหาวิทยาลัยจะทำเรื่องการออก transcripts หรือระงับการอนุมัติการศึกษา
  • หลังจาก Grace period ควรกำหนดค่าปรับเป็นจำนวนที่กำหนดโดยไม่นับตามจำนวนค่าปรับจริง
  • การกำหนด Grace period ให้สอดคล้องกับระยะเวลาในการยืม
  • หากมีหนี้สินที่ยังไม่ได้ชำระเกินจำนวนเงินที่กำหนดโดยห้องสมุดเช่น 300 บาท จะไม่อนุญาติให้ยืมทรัพยากรอื่นๆจากห้องสมุดได้
  • มีการติดประกาศแจ้งความร่วมมือ
  • มีการแต้งเตือนเป็นระยะก่อนการดำเนินการใดๆในการจำกัดสิทธิ
การจ่ายค่าปรับ
  • จ่ายที่บริการ ยืม - คืน
  • จ่ายผ่านระบบอัตโนมัติ (Aotomated system automatically calculate fines)
  • เปิดให้มีการผ่อนผันการต่อรองระหว่างผู้ยืมและเจ้าหน้าที่
  • สำหรับห้องสมุดมหาวิทยาลัยห้องสมุดจะต้องนำส่งมหาวิทยาลัยเนื่องจากเป็นเงินรายได้ แต่สามารถขอใช้งบประมาณจากค่าปรับได้
ค่าสมาชิกค่าธรรมเนียม
  • นโยบายระหว่างห้องสมุด
  • คิดตามกำหนด หรือ ตามจำนวนประบเฉพาะที่ขำรุดเท่าันั้น
จริยธรรมในการบริการ
  • ต้องป้องกันสิทธิของผู้ใช้
  • พยายามเกื้อหนุนในการหมุนเวียนหนังสือเพื่อไม่ให้ผู้ใดผู้หนึ่งครอบครองนานเกินไป
การจัดการชั้นวางหนังสือ
  • ควรตรวจตราและควรจัดเรียนชั้นหนังสืออยู่เสมอ
  • กำหนดว่าในทุกเดือนนั้นจะต้องมีการตรวจสอบ รหัสของหนังสือ
  • หนังสือที่เป็นยอดนิยมนั้น ควรจัดขึ้นชั้นหนังสือยอดนิยม
การจัดเก็บทะเบียนผู้ใช้
  • เพื่อจำแนกว่าใครบ้างมีสิทธิ์ยืมทรพยากร หรือมีสิทธิในการใ้ช้บรการของสถาบันบริการสารสนเทศ
บัตรสมาชิก
  • บัตรพลาสติก
  • บัตรติดแถบแม่เหล็ก
  • บัตรติดรหัสแถบ
  • บัตรอัจฉริยะ
     บัตรอัจฉริยะ เป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการฝังชิปคอมพิวเตอร์ (Computer Chip)  ไว้ในบัตรสำหรับบรรจุข้อมูลต่างๆ ที่มาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัย  ปัจจุบันรูปแบบการใช้งานบัตรสมาร์ทการ์ด แบ่งออกเป็น 2 แบบคือ
  1. สมาร์ทการ์ดแบบมีการสัมผัส (Contact smart cards)  จะใช้งานกับเครื่องอ่านสมาร์ทการ์ด (smart card reader) ซึ่งเป็นบัตรที่มีการผนึกชิปขนาดเล็ก  เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณครึ่งนิ้วเอาไว้ที่ด้านหน้าบัตรแทนการใช้แถบแม่ เหล็ก (Magnetic Stripe)  นิยมใช้ในบัตรเครดิตหรือบัตรเอทีเอ็ม  ผู้ใช้ต้องเสียบบัตรเข้าไปในเครื่องอ่าน  ระบบจึงจะทำการอ่านข้อมูล
  2. สมาร์ทการ์ดแบบไม่มีการสัมผัส (Contactless Smart cards payment)  เป็นบัตรผนึกชิปคอมพิวเตอร์ไว้ภายใน  สำหรับเชื่อมต่อกับเครื่องรับ-ส่งข้อมูลระยะไกล (Remote receiver/transmitter)  เพื่อใช้ดำเนินธุรกรรมการชำระเงินแบบไม่ต้องสัมผัส (Contactless Payment) เช่น บัตรรถไฟใต้ดิน  และบัตรสมาร์ทเฟิร์ส เป็นบัตรเงินสดดิจิตอล  ซึ่งได้ติดตั้งไม่โครโปรเซสเซอร์ชิปไว้บนบัตร  เพื่อใช้สำหรับเก็บข้อมูลการเงิน ข้อมูลส่วนตัวบุคคล
 สาเหตุที่ผู้ใช้ไม่พอใจ
  • ไม่สามารถหาสิ่งที่ต้องการได้
  • ไม่ได้รับการแจ้งเตืนเมื่อมีค่าปรับ
  • ระยะเวลาการยืมทรัพยากรประเภทต่างๆสั้น
  • จำกัดจำนวนครั้งในการยืมต่อ
  • ค่าปรับประเภทต่างๆ
  • เสียงรบกวนในการเข้าใช้ห้องสมุด
  • ไม่พอใจการบริการที่ได้จากบรรณารักษ์


วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

บริการยืม-คืน/จ่าย-รับ

สรุป งานบริการยืม-คืน/จ่าย-รับ (18/06/54)

งานบริการยืม-คืน/จ่้าย-รับ 
บทบาทหน้าที่ของบริการยืม-คืน 
  1. การควมคุมบริการยืม-คืน 
    บริการยืมคืนเป็นบริการพื้นฐาน ที่ต้องมีในห้องสมุดสมัยใหม่ ได้แก่ ผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึง สารสนเทศได้ และสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลทางสารสนเทศได้อย่างเท่าเทียม

   2. ประชาสัมพันธ์ห้องสมุด
     เป็นจุดบริการแรกของห้องสมุดที่ผู้ใช้เข้ามาแล้วจะเจอ ซึ่งจะได้ความประทับใจจากความช่วยเหลือและบริการที่ดีที่ผู้ใช้ได้รับ สิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อทัศนคติของผู้ใช้ ซึ่งบริการนี้เป็นสิ่งที่ตัดสินคุณภาพของการบริการของห้องสมุด
     
   การจัดการของห้องสมุด
  1. ห้องสมุดขนาดเล็ก
  2. ห้องสมุดขนาดกลาง
  3. ห้องสมุดขนาดใหญ่
   ความรู้และทักษะที่ต้องการ
  1. มีใจในการรักบริการ มีความอดทนสูง
  2. มีวามรู้เกี่ยวกับทรัพยากรที่มีให้บริการ
  3. มีทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์ ฐานข้อมูล OPAC
  4. มีไหวพริบในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี
  5. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
   งานที่เกี่ยวข้อง 
  • งานยืม และงานคืน
  • ระบบงานยืมคืนอัตโนมัติ
การยืมและการคืน (Check-In and Check out)
  1. บริการยืมคืนทรัพยากรห้องสมุดประเภทต่างๆ ได้แก่ หนังสือ หนังสือสำรอง ทรัพยากรสารสนเทศประเภทต่างๆ
  2. กำหนดระยะเวลาในการยืมคืน
  3. ปรับสิ่งพิมพ์ที่เกินกำหนดส่ง/เสียหาย กำหนดอัตราปรับ และออกใบเสร็จรับเงิน
  4. บริการตอบคำถามชี้แนะสารนิเทศแก่้ผู้ใช้ภายในห้องสมุด
  5. บริการยืมคืนระหว่างห้องสมุด
ระบบงานยืมคืนอัตโนมัติ
  1. การพัฒนาขึ้นเอง (In-house Development)
  2. ยืมและนำมาดัดแปลงเพื่อความเหมาะสมกับห้องสมุดหน่วยนั้น
  3. ใช้โปรแกรมสำเร็จรูป
เทคโนโลยีที่มีการนำมาใช้ในบริการยืมคืน
  1. เทคโนโลยีรหัสแถบ (Barcode)
  2. คิวอาร์โค้ด
  3. เทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี (Frequency Idendify)



วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Library Building

            สรุป Library Building   (15/06/54)


         Library Building   

ลักษณะของห้องสมุดที่ใช้จากธรรมชาติ

  1. การปรับปรุงโครงสร้างของห้องสมุดที่มีอยุ่เดิมให้มีประสิทธิภาพและใช้ประโยชน์ได้มากยิ่งขึ้น  รวมทั้งยังต้องปรับปรุงภูมิทัศน์รอบๆห้องสมุดด้วย
  2. เน้นเรื่้องเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ภายในห้องสมุดเป็นหลัก และปรับสภาพทั่วๆไปให้กลมกลืนกับห้องสมุด
  3. ระบบไฟฟ้า แสงสว่าง เครื่องปรับอากาศ ควรดูแลให้อยุ่ในสภาพที่ดีอยู่เสมอ
  4. เน้นทางด้านการออกแบบให้ห้องสมุดมีความกลมกลืนกับธรรมชาติให้มากยิ่งขึ้น เพื่อผู้ใช้จะมีความรู้สึกที่อบอุ่นในขณะที่เข้ามาใช้งานห้องสมุด
มุมอ่านหนังสือที่เป็นส่วนตัว 

ห้องที่จัดเพื่อการทำงานเป็นกลุ่ม และเงียบสงบ

ห้องสมุดสีเขียว (Green Library)

มุมพักผ่อน อ่านนิตยสาร หนังสือพิมพ์ ที่มีบรรยากาศสบายๆ

ห้องสำหรับการประชุม การวางแผนงานของผู้ใช้ในด้านต่างๆ